หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สุดยอดเทคนิควิธี!! ทำอย่างไรให้ใช้ชีวิตคู่โดยไม่ทะเลาะกัน!!

เรื่องนี้จะว่าไปก็จริงอยู่ครับ เพียงแต่ว่า

ขึ้นอยู่กับการให้คำนิยามของคำว่า “ทะเลาะ”

ว่า รุนแรง หรือ หนักเบามากน้อยเพียงไหน

สำหรับวันพุธ วันพุธเองยังเชื่อในทฤษฎีที่ว่า

ในการใช้ชีวิตคู่ ซึ่งหมายถึงตั้งแต่ระดับเบาสุด

คือ แค่ขั้นคบหาดูใจกัน ไปจนถึง ขั้นเป็นแฟน

และสุดท้ายคือ ขั้นอยู่กินเป็นสามีภรรยากันว่า

คนเรานั้นไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันเลยได้

เพียงแต่เราเข้าใจหลักการและเข้าใจชีวิตที่ชัดเจน

เราก็สามารถจะใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุขได้

ซึ่งวันพุธขออธิบายด้วยแผนภาพประกอบดังนี้เมื่อเราใช้ชีวิตคู่ นั่นก็หมายถึงเรามีคนอีกคนหนึ่ง

ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตร่วมกันบางส่วน

เช่น อยู่ในขั้นคบหาดูใจ ขั้นเพื่อนสนิท(ที่สุด)

ไปจนถึงขั้นเป็นแฟน เลยไปถึงสามีภรรยาก็ตาม

ก็เป็นธรรมดาที่แรกๆโดยส่วนมากจะเข้าใจกัน

อย่างที่เขาเรียกว่า ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้

แต่ต่อมาเมื่อสนิทกัน เรียนรู้นิสัยใจคอกัน

เราก็จะพบข้อเสียของกันและกันมากขึ้น

และนำไปสู่เหตุการณ์หรือสถานการณ์ไม่ดีบางอย่าง

ที่อาจเกิดขึ้นจากความคิดเห็นหรือความเข้าใจ

ที่ไม่ตรงกัน หรืออาจเข้าใจผิดกัน หรือ

มีปัญหากันจากการใช้ชีวิต จากบุคคลที่สาม

หรือสภาพแวดล้อมภายนอกนั้นก็ตาม

……..

เหตุการณ์หรือสถานการณ์ไม่ดีที่เกิดขึ้นนั้น

จะนำเราไปสู่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเรา

ตั้งแต่ความรู้สึกเบาๆไปหาหนัก

เช่น น้อยใจ เสียใจ ผิดหวัง ระแวง

เหนื่อยใจ ท้อแท้ ไปจนถึงโกรธกริ้ว เป็นต้น

ความรู้สึกเหล่านี้จากเหตุการณ์ไม่ดีเหล่านั้น

ถ้ายังมีน้อย หรือยังเป็นครั้งแรกๆที่เกิดปัญหา

เราทั้งคู่อาจไม่คิดว่าเป็นปัญหาและปล่อยวางได้เร็ว

เรียกได้ว่า Clear Clear หรือ Clean Clean กันได้

แต่ถ้าความรู้สึกนั้น หรือ เหตุการณ์นั้น เกิดขึ้นซ้ำๆ

เราจะเพิ่มระดับความรู้สึกไม่ดีที่มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

จนกลายเป็นความเก็บกดหรือกดดันในใจเรา

ซึ่งเราอาจรู้ตัว พอรู้ตัว หรือไม่รู้ตัว ก็เป็นไปได้ครับ

………….

เหตุการณ์ที่เพิ่มระดับความรุนแรง ทำให้ทะเลาะกันง่าย

เพราะทำให้เพิ่มระดับความรู้สึก และเพิ่มระดับความกดดัน

ในทางหนึ่งเหมือนเชื้อเพลิงที่ปะทุ รอการระเบิด

ซึ่งหากทั้งสองคนเป็นแบบเดียวกัน ไฟ กับ ไฟ

ก็จะเกิดการ ทะเลาะกัน เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

การทะเลาะกันแรกๆอาจไม่มีความรุนแรงนัก

แม้ทั้งคู่จะเป็นไฟ กับ ไฟ  ความร้อนเจอกับความร้อน

คือ ต่างคนต่างโกรธ ก็ยังดับร้อนหรือดับไฟได้เร็ว

แต่หากยังทะเลาะกันต่อไปเรื่อยๆ

พัฒนาการการทะเลาะจะทวีความรุนแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว

มันจะไปของมันทีละ Step และเมื่อถึงเวลานั้น

ความเคยชินจะเกิดขึ้น และความเกรงอกเกรงใจกัน

จะลดลงจนอาจหมดไป และเลิกรากันไปในที่สุด

……………

อย่างไรก็ตาม ในอีกทางหนึ่งที่ตรงกันข้าม

แม้จะมีเหตุการณ์ที่รุนแรง ความรู้สึกที่รุนแรง

และความกดดันหรือความเก็บกดที่สะสม

แต่หากทั้งสองฝ่ายยอมผ่อนคลายลง เย็นลงทั้งคู่

หรือแม้แต่ฝ่ายหนึ่งร้อนมาอีกฝ่ายหนึ่งเย็น

พูดง่ายๆว่า ฝ่ายหนึ่งเป็นไฟ อีกฝ่ายต้องเป็นน้ำ

มันก็จะเกิดการผ่อนคลายลง แม้ไม่เข้าใจกัน

แต่ก็จะไม่เพิ่มระดับไปจนถึงการทะเลาะกันแน่นอน

ซึ่งนั่นยิ่งจะทำให้เหตุการณ์ที่ไม่ดีเหล่านั้น

คลี่คลายไปในทางที่ดี และส่งผลดีอีกด้วย

เพราะทำให้คนสองคน เรียนรู้กันมากขึ้น

เข้าใจกันมากขึ้นและทำดีต่อกันมากยิ่งขึ้น

เช่น ผัวเมียบางคู่ที่เราเห็นทะเลาะกันทุกวัน

แต่อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า มีลูกหลานยั้วเยี้ย

ตามที่ได้ยกตัวอย่างไปในช่วงต้นเรื่องนั่นล่ะ

ซึ่งหากเราสังเกตุจะเห็นได้ว่า

เมื่อฝ่ายหนึ่งร้อนเป็นไฟ อีกฝ่ายจะนิ่งกว่า

เช่นผัวเมา เมียยอม, เมียด่าโวยวาย ผัวสงบนิ่ง

ไปจนถึงระดับรุนแรงหน่อย พอกันทั้งคู่

เมียด่า ผัวเตะ  ซึ่งบางทีวิเคราะห์กันลึกๆ

เฉพาะคู่ที่อยู่ด้วยกันได้จริงๆนั้น

ก็ยังเห็นมุมที่ทั้งคู่ยอมผ่อนปรนต่อกันอยู่นั่นเอง

หรือหากเป็นเหตุการณ์ไม่ดีที่หนักหนาสาหัส

ไม่สามารถที่จะแก้ไขเยียวยาหรือชดเชยได้

จนแม้ในที่สุดอาจต้องเลิกรากัน แต่อย่างน้อย

อาจยังมีช่วงถอยห่างหรือแยกกันอยู่ชั่วคราวก่อน

ซึ่งไม่แน่ว่า ยังอาจมีทางกลับไปครองคู่กันได้

เพราะยังไม่ได้ทะเลาะกันอย่างรุนแรงนั่นเอง

เรียกได้ว่า แม้ในทางปฏิบัติอาจเป็นไปได้ยาก

แต่ว่ากันในทางทฤษฎีแล้ว ยังพอเป็นไปได้ครับนี่แหละครับ เรื่องของประเด็นปัญหาว่า

ทำอย่างไรจะใช้ชีวิตคู่โดยไม่ทะเลาะกัน

ซึ่งจะว่าไป เรื่องของการใช้ชีวิตคู่นั้น

ไม่ได้มีสูตร มีแนวคิด หรือมีทฤษฎีตายตัวอะไร

และคงหาผู้เชี่ยวชาญหรือชำนาญการได้ยาก

เพราะระดับเหตุการณ์และปัญหาในชีวิตคู่

รวมถึงความสัมพันธ์ของแต่ละคนแต่ละคู่

ซึ่งต่างที่มาที่ไปกันนั้น

มีมากมายและหลากหลายเสียเหลือเกิน

พูดง่ายๆว่า คู่ของใคร ก็แบบของคนนั้น

แต่จะว่าไป ก็ไม่มีอะไรในโลกนี้เหมือนกัน

ที่วางหลักเกณฑ์หรือกำหนดกรอบแนวคิดไม่ได้

ดังนั้น หากเราใช้ทฤษฎี NO ทะเลาะกัน

เราก็อาจแก้ปัญหาหรือป้องกันปัญหาความไม่เข้าใจกัน

ไม่ให้บานปลายไปสู่การทะเลาะกันได้ในที่สุด

……………..

สุดท้ายนี้ วันพุธขอฝากแนวคิดในการใช้ชีวิตคู่

เป็นหลักหรือแนวทางไว้สัก 5 ข้อนะครับ

ข้อแรก ในการใช้ชีวิตคู่ โดยเฉพาะระดับแฟน

และระดับสูงสุด คือ ระดับผัวเมียหรือสามีภรรยานั้น

ลองหาเวลานั่งคุยกัน สำรวจเป้าหมายชีวิตร่วมกัน

ว่ามีเป้าหมายตรงกันหรือเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่

หลายคู่คบกันมาหลายปี ยังไม่ก้าวหน้าไปไหน

หรือบางคู่ไปกันไม่ได้เพราะ ต่างคนต่างเป้าหมาย

ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ มากจนเกินไป

ไม่ได้นำมาเป้าหมายมารวมกันหรือแชร์กัน เป็นต้น

ข้อสอง  คนเราคิดเห็นต่างกันได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่

มีปัญหากันได้ ไม่เข้าใจกันได้ เป็นเรื่องธรรมดา

แต่ต้องระวัง ไม่ให้ถึงขั้น ทะเลาะ กันอย่างเด็ดขาด

เวลามีปัญหา หรือมีความไม่เข้าใจกัน

ควรหาทางเคลียร์กันให้เร็วที่สุด

ส่วนจะเร็วแค่ไหน แต่ละคู่ต้องรู้ใจและรู้ทางกันเอง

โดยสามารถสังเกตพฤติกรรมจากคู่ของเราได้

ข้อสาม  เวลาเริ่มจะมีปัญหาหรือมีปากเสียงกัน

ให้หยุดคิดกันสักนิดก่อน ใช้สูตร น้ำ กับ น้ำ

คือต่างคนต่างเย็น ซึ่งนับว่าเป็นสูตรที่ดีที่สุด

แต่ถ้าคู่ของเราทำไม่ได้ อย่างน้อยก็เริ่มที่ตัวเรา

ใช้สูตร น้ำ กับ ไฟ เขาร้อนเราเย็น เราร้อน เขาเย็น

ไม่ใช้สูตร ไฟ กับ ไฟ  ร้อน กับ ร้อน

ต่างคนต่างร้อนแรง จัดหนัก จัดเต็ม

เพราะจะนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งกัน

เกิดความเคยชิน และเริ่มไม่เกรงใจกัน

และจะเพิ่มพัฒนาการการทะเลาะรุนแรงขึ้น

จนในที่สุด ก็เลิกราแยกย้ายสลายตัวกันไป

ข้อสี่ อดีตให้มันเป็นอดีต อย่ารื้อฟื้น

อย่าลืมนะว่า เราซื้อเขาที่ตัวเขาในวันนี้

ไม่ใช่ซื้อที่อดีตที่ผ่านมาของเขา

ข้อสำคัญ ขอเพียง เขารักเราที่สุด

และที่สำคัญที่สุด เรารักเขา ก็พอ

ส่วนจะดูว่า เขาใช่หรือไม่ใช่ เขาดีหรือไม่ดี

เขาเป็นเนื้อคู่ของเราหรือเปล่านั้น

ขอให้ดูนับตั้งแต่วันที่เริ่มคบหาดูใจกัน

ไม่ต้องดูย้อนเวลาหรือนับถอยหลังไปในอดีต

เพราะคนเราไม่มีใครกลับไปแก้ไขอดีตได้

ข้อสุดท้าย  จะมีเหตุการณ์ไม่ดีในชีวิตคู่

เลวร้ายหรือหนักหนาสาหัสเพียงใด

คุยกันได้ก็คุย คุยกันไม่ได้ก็ไม่ต้องคุย

เข้ากันไม่ได้ อยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็จบ

เลิกราหย่าร้างกันแต่โดยดี ไม่กล่าวโทษกัน

ที่สำคัญอย่าทำร้ายทำลายกันอย่างเด็ดขาด

คำว่า ไม่ทำร้ายทำลายกันนั้น หมายรวมถึง

ไม่ทำร้าย ทั้ง กาย  คือ ทำร้ายร่างกายกัน

ไม่ทำร้าย ทั้ง วาจา คือ พูดจาทำร้ายกัน

ไม่ทำร้าย ทั้ง ใจ คือ ไม่ทำร้ายจิตใจกัน

…………..

แต่หากคู่ไหนทะเลาะกัน หรือทำร้ายทำลายกัน

ไม่ว่าจะเป็น กาย หรือ วาจา หรือ ใจ กันไปแล้ว

หากยังไม่รุนแรง ก็ลองหันกลับมาพูดคุยกัน

แต่หากรุนแรง ยากเกินจะเยียวยาแก้ไขแล้ว

ก็คงต้องเป็นบทเรียน และถือเป็นประสบการณ์ชิวิต

ที่เราต้องนำไปปรับแก้ไขกับตัวเราเอง และคนอื่น

ที่อาจเข้ามาในชีวิตของเราต่อไป….ก็เท่านั้นเองครับ

….วันพุธ…..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น